เทคนิคการวัดระยะของเฟอร์นิเจอร์แต่ละห้อง ให้พอดีกับสรีระของผู้ใช้งาน

ใช้วิธีการคำนวนโดยนำส่วนสูงของผู้ใช้งานมาเป็นหลักในการหาขนาดความสูงของเคาน์เตอร์ครัวที่พอดีกับสรีระ โดยสูตรการคำนวนคือ ส่วนสูงหาญด้วย 2 และบวก 5 เซนติเมตร เช่น 160÷2+5 = 85 ดังนั้น ผู้ที่มีส่วนสูง 160 เซนติเมตร เหมาะกับการเลือกใช้เคาน์เตอร์ที่มีความสูงประมาณ 85 เซนติเมตร จะเป็นความสูงที่พอดีในการใช้งาน ทำให้ไม่ต้องโค้งตัวจนเกินไป หรือสูงจนทำครัวไม่ถนัด Zone 2 : พื้นที่สำหรับเก็บของ ทั้งของสดและของแห้ง

การให้ความสำคัญกับระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างโทรทัศน์กับผู้ใช้งาน จะช่วยถนอมสายตาได้ส่วนหนึ่ง เพราะการนั่งดูโทรทัศน์แบบใกล้จอจนเกินไป อาจส่งผลต่อสุขภาพสายตาในระยะยาวได้้ นอกจากระยะความห่างแล้ว ความสูงในระดับที่เหมาะสมของการติดตั้งโทรทัศน์ก็สำคัญเช่นกัน ซึ่งวิธีง่ายๆ ก็คือกะระยะให้ระดับสายตาของผู้ใช้งานเมื่อนั่งในอิริยาบถปกติ ตรงกับจุดกึ่งกางของจอโทรทัศน์ เพื่อให้ผู้ใช้งานไม่ต้องก้มหรือเงยจนเกินไป ซึ่งความสูงคร่าวๆ จะอยู่ที่ประมาณ 1-1.50 เมตรโดยประมาณ

• ระแนงไม้กั้นห้อง เพื่อเพิ่มช่องแสงและการเชื่อมโยงของพื้นที่

• ใช้เฟอร์นิเจอร์กั้นห้อง เช่น แบ่งพื้นที่ด้วยชั้นวางหนังสือ โซฟา ลดการปิดทึบของพื้นที่ เหลือที่ว่างมากขึ้น

Scale หรือขนาดของเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสม ขนาดความลึกของโต๊ะหัวเตียงอยู่ที่ประมาณ 0.35-0.60 ม. ส่วนความกว้างอยู่ที่ประมาณ 0.30-0.80 ม. ระดับความสูงโดยปกติสูงระดับเดียวกับระดับที่นอน ห้องนอน ควรตั้งอยู่ทางทิศเหนือ เพราะทิศเหนือเป็นทิศที่รับแสงแดดของช่วงเวลาประมาณ 6.30 น. – 9.00 น. เป็นแดดอ่อนๆ ที่ไม่ร้อนมาก ดังนั้น จึงเหมาะกับการเป็นตำแหน่งของห้องนอน เพราะเมื่อตื่นตอนเช้าจะสามารถรับแสงแดดตอนเช้าซึ่งมีวิตามินดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เมื่อร่างกายได้รับแสงแดดจะทำการสังเคราะห์วิตามินดี ออกมา ช่วยเสริมสร้างแคลเซียมที่จำเป็นต่อกระดูกและฟัน อีกทั้งเมื่อถึงช่วงที่ดวงอาทิตย์โคจรอ้อมทิศใต้ ห้องที่อยู่ทางทิศนี้จะไม่สะสมความร้อน ส่งผลให้หลับสบายในเวลากลางคืน และเมื่อถึงฤดูหนาว ทิศนี้จะได้รับลมหนาวที่มีความเย็นโชยมาอีกด้วย

การใช้เส้นในการลวงสายตา เพราะเส้นแต่ละแบบสร้างมิติทางความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป เช่น เส้นแนวนอนซึ่งช่วยเพิ่มมิติความกว้างให้กับห้อง เทคนิคนี้ทำได้ง่ายที่สุดคือการเลือกวอลเปเปอร์ที่เป็นลายเส้นแนวนอนแบบใหญ่ แต่ไม่จำเป็นเสมอไป เพราะการสร้างมิติของเส้นแนวนอนสามารถทำได้ด้วยการใช้ลูกเล่นอื่นๆ เช่น การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีลักษณะเป็นเส้นแนวนอน อย่างการติดชั้นวางหนังสือ หรือชั้นวางของที่มีลักษณะแนวยาวบนผนัง ก็สามารถนำสายตาให้รู้สึกว่าผนังดูกว้างขึ้นได้เช่นกัน คอนโดมิเนียมหรืออะพาร์ตเมนต์ที่มีพื้นที่จำกัด มักจะมีปัญหาเรื่องแสงสว่างที่ส่องเข้ามาภายใน เพราะรับแสงสว่างจากธรรมชาติเพียงด้านเดียว อีกทั้งเมื่อติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เข้าไปก็ยิ่งไปปิดบังช่องทางของแสง ส่งผลให้ห้องซึ่งพื้นที่น้อยอยู่แล้วยิ่งรู้สึกคับแคบลงไปอีก ดังนั้น จึงต้องอาศัยการเพิ่มแสงประดิษฐ์จากไฟฟ้าเพื่อให้ห้องดูสว่างและโปร่งโล่งขึ้น เช่น ติดตั้งไฟเพิ่มในจุดที่อับแสง หรือโคมไฟต่างๆ เพื่อช่วยเพิ่มแสงสว่างให้กับภายในห้อง โทนสีที่เลือกใช้ตกแต่งก็มีความสำคัญต่อความรู้สึกของผู้อยุ่อาศัยเช่นกัน และแน่นอนว่า “สีวรรณะเย็น” มักจะส่งผลต่อความรู้สึกโปร่งโล่งหรือสบายตามากกว่าการเลือกใช้สีวรรณะร้อน โดยเฉพาะกับการตกแต่งในพื้นที่จำกัด การเลือกใช้สีโทนเย็น หรือวรรณะเย็นสามารถทำได้หลายอย่าง เช่น การเลือกวอลเปเปอร์โทนสีฟ้า เขียวอ่อน สีพาสเทล หรือการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สีอ่อนๆ แบบเอิร์ธโทน เช่น สีครีม ก็จะช่วยลดความรู้สึกทึบตันของพื้นที่ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดได้ดี แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้โทนสีเพียงโทนเดียวทั้งห้องก็อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก ดังนั้น จึงควรเพิ่มโทนสีอื่นๆ เข้าไปด้วย เพื่อสร้างความกลมกลืนให้กับการตกแต่ง เช่น หากตกแต่งด้วยสีวรรณะเย็นไปแล้ว 70-80% อาจจะแทรกสีที่อยู่ในวรรณะร้อนเข้าไปประมาณ 20-30% เป็นเทคนิคเพื่อสร้างความสมดุลให้กับการตกแต่ง

1. Single Size ( Single Bed ) หรือ Twin Size ( Twin Bed ) คือ เตียงนอนสำหรับวางฟูกที่นอนขนาด 3.5 ฟุต โดยฟูกที่นอนจะมีขนาดกว้าง 106 เซนติเมตร หรือ 1.06 เมตร และมีความยาว 198 เซนติเมตร หรือ 1.98 เมตร 2. Queen Size คือ เตียงนอนสำหรับวางฟูกที่นอนขนาด 5 ฟุต โดยฟูกที่นอนจะมีขนาดกว้าง 152 เซนติเมตร หรือ 1.52 เมตร และมีความยาว 198 เซนติเมตร หรือ 1.98 เมตร 3. King Size คือ เตียงนอนสำหรับวางฟูกที่นอนขนาด 6 ฟุต โดยฟูกที่นอนจะมีขนาดกว้าง 182 เซนติเมตร หรือ 1.82 เมตร และมีความยาว 198 เซนติเมตร หรือ 1.98 เมตร

ชุตินันท์ หงษ์ทอง, Author

Post a Comment