คำถามที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายคนมักสงสัยก็คือ การเลือกที่นอนให้ลูกน้อยแบบไหนถึงจะดีที่สุด เพราะเตียงนอนนั้นเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อตัวลูกน้อย การมีเตียงนอนสำหรับลูกช่วยทั้งในแง่ของความสะดวกสบายและความปลอดภัย แต่ปัญหาก็คือไม่รู้จะเลือกเตียงนอนแบบไหนให้ลูกถึงจะเหมาะสม แถมเตียงนอนสำหรับเด็กก็ยังมีหลายประเภทอีกด้วย ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนกำลังประสบกับปัญหาเหล่านี้ วันนี้เรามีคำแนะนำดีๆ มาฝากกัน

โดยทั่วไปไม่แนะนำให้เด็กทารกนอนที่เดียวกับคุณพ่อและคุณแม่ก็เพราะว่าหากขาดความระมัดระวัง อาจเป็นอันตรายต่อลูกได้ เช่น คุณพ่อหรือคุณแม่นอนดิ้นแล้วไปทับลูก ละเมอแกว่งแขนขาไปโดนเด็ก จนเกิดอันตรายหรือตกเตียงได้ ไปจนถึงอาจก่ายเอาผ้าห่มไปคลุมหัวเด็กทารก ซึ่งการมีเตียงนอนสำหรับเด็กก็เพื่อความปลอดภัยในส่วนนี้เป็นสำคัญ โดยเตียงนอนสำหรับเด็กจะแบ่งออกเป็นประเภทหลักได้ 3 ประเภท ดังนี้

1.เตียงเด็กแบบไม้ เป็นเตียงไม้สำหรับเด็ก วัสดุทำจากไม้เป็นหลักจึงมีความแข็งแรงทนทาน รูปทรงและสีสันสวยงาม ปกติแล้วจะมีล้อไว้ให้เคลื่อนย้ายสะดวกและมีเบรกไว้ไม่ให้เคลื่อนที่ มีที่สำหรับเปลี่ยนผ้าอ้อมและแถบพลาสติกครอบที่ขอบเตียง เพื่อป้องกันเด็กกัดหรืออมไม้ ราคาค่อนข้างสูง เพราะมีประโยชน์ใช้สอยมากและวัสดุจากไม้ก็ราคาค่อนข้างสูงเช่นกัน

2.เตียงเพลย์เพน เป็นเตียงเด็กที่ทำจากวัสดุผ้าไนล่อนกับโครงเหล็กหรืออลูมิเนียม น้ำหนักจึงเบากว่าเตียงไม้ สามารถพับเก็บได้ จึงสะดวกในการพกพาไปใช้ตามสถานที่ต่างๆ

3.เตียงเปลโยก หรือเปลไกว เป็นเตียงขนาดเล็ก พับเก็บและเคลื่อนย้ายได้ง่าย เน้นใช้ในการกล่อมลูกน้อยให้นอนหลับ และเหมาะสำหรับสถานที่มีพื้นที่ใช้สอยไม่ค่อยเยอะ ในปัจจุบันมีการพัฒนาไปมากถึงขั้นมีระบบอัตโนมัติที่ใช้ไฟฟ้าในการปรับไกว แต่ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประโยชน์ในการใช้สอย

1.ดูที่ประโยชน์การใช้สอย เตียงนอนสำหรับเด็กแต่ละประเภทนั้นมีข้อเด่นและข้อด้อยแตกต่างกันไป ดังนั้นเราก็ต้องดูว่าเราอยากได้เตียงแบบไหน แล้วค่อยเลือกแบบที่ตอบโจทย์ของเราก็พอแล้ว

2.กำลังทรัพย์ แม้จะอยากได้ยังไง แต่ถ้าสู้ราคาไม่ไหวก็เท่านั้น สุดท้ายก็ต้องมาดูอยู่ดีว่างบเรามีที่เท่าไหร่ แล้วสามารถเลือกประเภทเตียงแบบไหนที่พอดีกับทุนของเรา

3.เลือกขนาดที่พอดีกับเด็ก ควรเลือกขนาดของเตียงที่ไม่แคบหรือกว้างจนเกินไป เพราะถ้าแคบเกินไปลูกน้อยอาจอึดอัดไม่สบายตัว หรือถ้ากว้างไปก็อาจทำให้ไม่รู้สึกอบอุ่นเท่าที่ควร

4.ควรมีมุ้งกันยุงติดมาด้วย เนื่องจากบ้านเรานั้นมีอากาศร้อนชื้น จึงต้องระวังเรื่องของยุงมากัดลูกน้อยด้วย

6.ควรใช้เตียงแบบมีล้อ แม้ว่าเตียงอาจจะไม่จำเป็นต้องมีล้อเสมอไป แต่การมีล้อจะช่วยในเรื่องของความสะดวกในเวลาที่คุณอยากจะเคลื่อนย้ายเตียงลูกไปไว้ใกล้ที่นอน หรือจะพาลูกน้อยออกไปรับอากาศข้างนอกบ้าง และที่สำคัญต้องมีที่ล็อคล้อไว้เพื่อไม่ให้เตียงเคลื่อนที่ได้ด้วย

7.ลูกกรง ช่องว่างระหว่างลูกกรงควรอยู่ที่ประมาณ 1 ถึง 2 นิ้ว เพราะเป็นระยะปลอดภัยที่สุดที่มือหรือเท้าของลูกจะไม่ไปติดกับซี่กรง

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านใดที่อยากลองชมสินค้าเกี่ยวกับเตียงนอนเด็กที่ดีและมีคุณภาพ ลองแวะชมก่อนได้ที่เว็บไซต์ เพื่อคุณภาพการนอนที่ดีของลูกน้อย

ชุตินันท์ หงษ์ทอง, Author

Post a Comment