เมื่อนึกถึงโซฟา เชื่อว่าผู้อ่านหลาย ๆ ท่าน ต้องนึกถึงห้องนั่งเล่นที่ให้บรรยากาศผ่อนคลาย อบอุ่นไปกับสมาชิกภายในครอบครัว นอกจากห้องนั่งเล่นแล้ว โซฟายังเหมาะกับการใช้งานร่วมกับห้องอื่น ๆ เช่น ห้องรับแขก ห้องอ่านหนังสือ ห้องดูทีวี ห้องครัว ห้องนอน หรืออาจเรียกได้ว่า ทุก ๆ ห้องภายในบ้านสามารถนำโซฟามาตกแต่งร่วมได้ทั้งหมด เพราะเพียงแค่ยกโซฟามาจัดวางในมุมใดมุมหนึ่งของบ้าน มุมดังกล่าวก็จะกลายเป็นมุมน่านั่ง น่าพักผ่อนไปโดยอัตโนมัติ แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า จะซื้อโซฟาแบบไหนมาจัดวางตรงไหนก็ได้ จำเป็นต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานในตำแหน่งนั้น ๆ วันนี้ “บ้านไอเดีย” จึงขอนำเกร็ดความรู้ในการเลือกซื้อโซฟา เพื่อให้ผู้อ่านไว้เป็นแนวทางในการเลือกซื้อกันครับ

1. ลักษณะการใช้งาน : เนื่องด้วยปัจจุบันโซฟามีให้เลือกหลายประเภท แต่ละประเภทออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่เหมาะสม เช่น โซฟาแบบ Sectional ออกแบบมาเพื่อการใช้งานอเนกประสงค์ รับแขกก็ได้ นั่งพักผ่อนดูทีวีก็สบาย มีขนาดใหญ่รองรับการใช้งานพร้อมกันได้หลายคน แต่ด้วยลักษณะการออกแบบที่มุ่งเน้นให้อารมณ์พักผ่อน จึงอาจไม่เหมาะกับมุมรับแขกที่เป็นทางการ เพราะจะส่งผลให้แขกผู้มาเยือนรู้สึกเกรงใจ ไม่เป็นส่วนตัวนัก รวมทั้งขนาดของโซฟา Sectional ปกติจะมีขนาดใหญ่มาก จึงไม่เหมาะสมกับห้องขนาดเล็ก การเลือกโซฟาจึงจำเป็นต้องดูลักษณะการใช้งานก่อนและพื้นที่จัดวางก่อน เพื่อที่จะได้โซฟาตามรูปทรงที่เหมาะกับการใช้งานและตำแหน่งในการจัดวางครับ

2. ขนาด : คงไม่ดีแน่หากสั่งซื้อโซฟามาแล้ว ไม่สามารถจัดวางลงตำแหน่งที่ต้องการได้ ก่อนจะเลือกซื้อโซฟา ผู้อ่านจำเป็นต้องวัดขนาดพื้นที่จัดวาง รวมทั้งเผื่อพื้นที่รอบข้างสำหรับเป็นทางเดิน พื้นที่เปิดประตู และพื้นที่วางสิ่งของอื่น ๆ วิธีการที่ดีที่สุด คือการวาดแปลนภายในห้องลงกระดาษร่าง เพื่อที่จะได้มองเห็นแผนผังภายในห้องทั้งหมด หรือหากผู้อ่านท่านใดไม่อยากวาด ปัจจุบันมีแอพพลิเคชั่นมากมาย รองรับการใช้งานทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ

• ตำแหน่งที่จัดวาง ไม่ควรให้ตรงหน้าต่างมากเกินไป เพราะจะทำให้โซฟาเสื่อมสภาพเร็ว แต่ยังคงให้มีแสงสว่างเข้าถึง

นอกจากนี้ กรณีที่ผู้อ่านนำโซฟามาใช้ร่วมกับมุมดูทีวี ควรกำหนดระยะห่างให้มีความสัมพันธ์กับขนาดของทีวี ดังตารางต่อไปนี้

3. Sofa Style : ประเภทของโซฟา บ่งบอกได้ถึงสไตล์ของบ้าน และลักษณะการใช้งาน โซฟาแต่ละประเภทออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่แตกต่างกัน ห้องของเราจะเหมาะกับโซฟาประเภทไหนบ้าง มาทำความรู้จักกันครับ

• Tuxedo : ลักษณะโซฟาที่ให้ความรู้สึก เรียบเท่ อย่างคลาสสิค เหมาะกับการจัดวางไว้ห้องรับแขก หรือมุมนั่งเล่นของบ้านสไตล์โมเดิร์น ทรอปิคอล คลาสสิค เรโทร เป็นต้น

• Camelback : รูปทรงโซฟาคลาสสิค ให้ความรู้สึกโดดเด่นเป็นพิเศษ​ หากจัดวางเป็นเซ็ท นิยมให้ตัวดังกล่าวเป็นตัวหลัก เหมาะกับการตกแต่งร่วมกับบ้านสไตล์ Vintage , Cottage , Classic หรืออาจนำมาจัดวางเดี่ยว ในมุมใดมุมหนึ่งของบ้าน

• Loveseat : โซฟาที่ออกแบบมาเพื่องานสวีทโดยเฉพาะ ขนาดของโซฟาออกแบบมาให้นั่งใกล้ชิดกัน 2 คน จึงเหมาะกับคู่รัก อาจใช้สำหรับห้องที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง เช่น ห้องดูทีวี ห้องนั่งเล่นส่วนตัว เป็นต้น

• Longue : โซฟาอิงเอน โดยปกติด้านใดด้านหนึ่งจะมีพนักพิง เหมาะกับการใช้นอนอ่านหนังสือ นอนพักผ่อนช่วงกลางวัน นิยมใช้ผ้ากำมะหยี่มาหุ้ม เพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้เหมาะกับรูปทรงที่ดูเซ็กซี่ โดยปกติจะเป็นที่นิยมของผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เหมาะกับการตกแต่งร่วมกับบ้านทุกสไตล์

• Sectional : โซฟาอเนกประสงค์ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เหมาะกับการจัดวางร่วมกับห้องนั่งเล่น ดูทีวี ห้องอ่านหนังสือ รูปทรงของโซฟามีให้เลือกหลายแบบ เช่น โซฟารูปทรงตัว L เหมาะกับการจัดวางเข้ามุม รูปทรงตัว U เหมาะกับการวางไว้ชิดผนัง รูปทรงกลม เหมาะกับการจัดวางไว้กลางห้อง หรืออาจจัดวางแยกส่วน ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและขนาดของห้องนั้น ๆ

• Chesterfield : การออกแบบรูปทรงโค้งมน กับลวดลายของหมุดกระดุมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโซฟาสไตล์ดังกล่าว โดยส่วนมากนิยมหุ้มด้วยวัสดุหนัง เหมาะกับการตกแต่งร่วมกับบ้านสไคล์คลาสสิค คันทรี่ หรือจะนำมา Mix and Match กับสไตล์อื่น ๆ ก็ดูเก๋ไม่น้อยเลย

• โซฟาเบด : โซฟาที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานแบบมัลติฟังก์ชั่น เป็นได้ทั้งโซฟาและเตียงนอน เหมาะกับการจัดวางไว้ในห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องอ่านหนังสือ หรือมุมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม โดยตัวโซฟาสามารถปรับระดับพนักพิงได้ ปรับขึ้นเมื่อต้องการใช้เป็นโซฟาและปรับลงไปทางด้านหลังเพื่อใช้เป็นที่นอน หลังจากปรับลงพนักพิงจะระนาบไปกับเบาะนั่งสามารถนอนได้ ซึ่งจะเหมาะกับห้องเล็ก ๆ ที่ต้องการประหยัดพื้นที่อีกด้วยครับ

สำหรับรูปทรงที่ได้แนะนำมานี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่นิยมใช้เท่านั้น ปัจจุบันนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ได้ผลิตโซฟาในรูปทรงต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก

4. วัสดุหุ้มโซฟา : โซฟาที่ดีมีคุณภาพ จำเป็นต้องใช้วัสดุที่ดีมาผลิต หากเป็นโครงสร้างภายใน โซฟาเกรด A นิยมใช้ไม้เนื้อแข็งที่ผ่านการทาน้ำยากันปลวกแล้ว รองลงมาเป็นไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้ยางพาราหรืออาจใช้วัสดุเหล็กมาทดแทนไม้ได้เช่นกัน ในส่วนโครงสร้างภายในนั้น ผู้ซื้ออาจตรวจดูได้ยากโดยปกติจึงนิยมเลือกเพียงวัสดุหุ้มภายนอก ซึ่งจะแยกได้หลากหลายวัสดุ ดังนี้

หนังสัตว์ : โซฟาหนังแท้ ให้ผิวสัมผัสที่นิ่มสบาย ยิ่งเก่ายิ่งนิ่ม คุณสมบัติของหนังสัตว์ ให้ความทนทาน ระบายอากาศได้ดี ส่งผลให้ผู้ใช้งานนั่งสบาย ไม่ร้อน ดูแลรักษาได้ง่าย มีทั้งแบบฟอกสีและไม่ฟอกสี โดยปกติโซฟาหนังแท้จะมีราคาสูงกว่าหนังเทียมประมาณ​ 30%

หนังเทียม : โซฟาหนังเทียมผลิตจาก PVC หรือเส้นใยสังเคราะห์ มีจุดเด่นที่สามารถสร้างลวดลายและสีสันได้หลากหลาย ราคาถูกกว่าหนังแท้ เหมาะกับการใช้งานในบ้านที่มีเด็กเล็ก หรือพื้นที่ที่ง่ายต่อการสกปรก ด้านความคงทน หนังเทียมทนน้อยกว่าหนังแท้

ผ้า : วัสดุที่ให้ผิวสัมผัสอ่อนนุ่ม มีสีสันลวดลายให้เลือกมากกว่าหนัง ปัจจุบันผ้ามีให้เลือกหลายชนิด ทั้งแบบใยธรรมชาติและใยสังเคราะห์ โดยรวมแล้วหากเป็นใยธรรมชาติ จะช่วยระบายความร้อนได้ดี ทนทาน แต่มีข้อเสียด้านการหดตัว กักเก็บฝุ่น ผู้ใช้จำเป็นต้องดูดฝุ่นหรือซักแห้งอยู่เสมอ ผ้าใยธรรมชาติที่นิยมใช้กัน เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์

ผ้าใยสังเคราะห์ แม้จะให้ผิวสัมผัสที่ไม่อ่อนนุ่มเท่าผ้าใยธรรมชาติ แต่ก็ช่วยแก้ปัญหาข้อเสียต่าง ๆ ออกไป โดยจะให้ความคงทน คงตัวได้ดี ไม่ยับง่าย มีสีสันให้เลือกเยอะกว่าผ้าใยธรรมชาติ การดูแลรักษาจะง่ายกว่าครับ

ทั้ง 4 ข้อนี้นับเป็นพื้นฐานหลักสำคัญในการเลือกซื้อโซฟา โดยรวมแล้วคุณสมบัติโซฟาแต่ละชนิด วัสดุแต่ละอย่าง ล้วนมีข้อดีที่แตกต่างกัน การเลือกโซฟามาใช้งาน จึงไม่สามารถตอบได้ว่า แบบไหนจะดีที่สุด เพราะแต่ละแบบ แต่ละการใช้งานนั้นล้วนมีความแตกต่างกัน หากเลือกให้ดี โซฟาชิ้นดังกล่าวนี้ อาจจะอยู่คู่กับบ้านของเราไปนานแสนนาน ส่งต่อให้ลูกหลานได้ใช้อีกก็เป็นไปได้ครับ

ชุตินันท์ หงษ์ทอง, Author

Post a Comment